รักษาการ ประธานาธิบดี และประธานสภาบริหารการปกครองแห่งรัฐ สหภาพเมียนมา (SAC)/นายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
กองทัพเมียนมา ได้พบปะหารือกับ นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย ณ.โรงแรมแกรนด์ ม.คุนหมิง สปจ. เพื่อหารือเรื่องปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน, การค้าขาย และ ปัญหาแรงงาน
นี่คือโอกาสที่ดีที่ รัฐบาลไทยจะมีข้อเสนอ ที่เกิดประโยชน์ ทั้งสองประเทศมากมายหาก มีข้อเสนอดีๆแก่ สหภาพเมียนมา แบบมิตร โดยไม่ต้องมองว่า จะปกครองในระบบใด แต่ความปลอดภัย และ ผลประโยชน์ของประเทศไทย สำคัญ ที่เอามาเป็นที่ตั้ง
นายกเราฉวยโอกาสตรงนี้ไม่เป็นน่าจะเสนอทางออกในการสงบศึก 2 ประการ 1-ให้มินอ่องหล่ายสงบศึกด้วยการปกครองแบบสหพันธรัฐ จับมือกับ ชนกลุ่มน้อย ประกาศร่วมกันในการปกครอง ให้สิทธิการปกครองตนเอง แต่ขึ้นอยู่กับ รัฐบาลกลาง ให้ทุกรัฐบริหารจัดการ ทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ การปกครอง การพัฒนา ทรัพยากรตนเอง แล้วตัดภาษีส่วนหนึ่งส่งให้กับรัฐบาลกลาง ก็จะสามารถตัดเส้นทางของคู่ต่อสู้อย่าง อองซานซูจี หมดสภาพลงในทันที แม้ทางอองซานจะได้รับการสนับสนุนจากเมกา และมีกองกำลังต่อสู้ต่อ ก็ไร้ประโยชน์ เพราะจะไม่มีที่ยืนเพราะทุกพื้นที่ ปกครองโดยกลุ่มชาติพันธุ์ และไม่มีการสนับสนุน จากกลุ่มชาติพันธุ์ กองกำลังของอองซานก็จะ หมดสภาพไปเอง เพราะ ไม่มีที่จะอยู่เพื่อต่อสู้ได้อีกต่อไป แค่นี้ มินอ่องหล่ายก็ได้เปรียบ ในทันที สามารถกำจัด เมกา กำจัด กลุ่มออ่งซาน ได้ทันทีอีกด้วย
2- เสนอเรื่องการประสานกับทาง กลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มร่วมกัน ไทย เมียนมา เพื่อการพัฒนาทางด้าน อาชีพแก่ ประชาชนของกลุ่มนั้นทางด้าน การเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การค้า ให้เกิดความมั่นคงต่อแต่ละกลุ่ม เพราะประเทศไทยที่ต้องการก็คือ 1-ความมั่นคงตามแนวชายแดน 2-ปัญหายาเสพติด 3-แก๊งค์คอเซ็นเตอร์ 4-ขบวนการค้ามนุษย์ 5-การลักลอบเข้าประเทศ อย่างผิดกฎหมาย 5- การส่งแรงานเข้าประเทศที่ถูกกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ 6-การค้าชายแดน ที่จะขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค ในกรณีที่ การสร้างบ้านสร้างเมืองใหม่ๆนั้น จะต้องการสินค้าต่างๆเหล่านี้เป็นจำนวนมาก และ 7-เปิดการค้ารายย่อย แก่ประชาชน ของทั้งสองประเทศ
หากมีการเสนอแบบนี้ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อ ทั้งสองประเทศ การผลักดันพม่าที่เข้ามาประเทศไทย อย่างผิดกฎหมาย ก็ไม่เป็นปัญหาที่ยากแต่อย่างใด เพราะทุกพื้นที่ในพม่า เกิดความสงบแล้ว และเริ่มพัฒนาบ้านเมือง พม่า และ กลุ่มชาติพันธุ์ก็จะกลับสู่ประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ของตน เพราะในพม่านั้นยังมีทรัพยากร อีกมากมายทั้งทองคำ แร่ชนิดต่างๆ สามารถที่จะเปิดสัมปทาน ขุดขึ้นมาขายเอาเงินตราเข้าประเทศ คนก็จะมีงวานทำมีรายได้ ค่าแรงอาจจะมากกว่าค่าแรงในประเทศไทยด้วยซ้ำไป
ถ้ารัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรีไทย เจรจาแบบนี้ สำเร็จทุกอย่างจะเกิดความมั่นคงต่อทุกๆฝ่าย ในทันที เพราะอ่องหล่ายต้องการทำลายอองซานอยู่แล้ว เพราะเป็นศัตรูตัวสำคัญ แต่เขาหาทางออก และ วิธีการยังไม่เจอ..
เพราะถ้ามินอ่องหล่ายจับมือกับ กลุ่มชาติพันธุ์ ปกครองกันแบบสหพันธุ์รัฐ ทุกอย่างสงบ อองซานก็แพ้แบบหมดรูป เมกาก็ไม่สามารถเข้ามา แทรกแซงในพม่า อีกต่อไป จีน รัสเซีย ก็ไม่ต้อง บีบพม่า หรือ กลุ่มชาติพันธุ์ อย่างที่ปรากฏอยู่ ณ เวลานี้ นี่คือกลยุทธิ ที่ดีที่สุดประเทศไทยก็จะได้กับได้คือ ได้รับความสงบ มีความมั่นคงมากขึ้น การค้าดีขึ้น คนพม่าในประเทศน้อยลง คนไทยได้พื้นที่ค้าขายมากขึ้น ความขัดแย้งระหว่าง แรงงานต่างด้าว กับ ประชาชนชาวไทยก็จะหมดไป
เพียงแต่ รัฐบาลต้องถอยออกมาจาก การดันทุรังเรื่อง mou.44 – หยุดการให้สัญชาติ 483,000 รายก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่วมในการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกๆฝ่าย หยุดเรื่องเดินหน้าตั้งคอมเพล็ก บ่อนาสิโน หยุดขายคอนโด 99 ปี และโครงการแลนบริด ที่ไทยจะต้องเสียพื้นที่ให้ต่างชาติ เข้ามาเช่า หลานแสนไร่ นานนับ 100 ปีลงไปก่อน รัฐบาลก็จะอยู่ได้อย่างมั่นคง แต่หากยังดันทุรังอยู่แบบนี้ บอกได้คำเดียว ว่าพัง และ ระวังคุก ทั้งรัฐบาลและทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาล ตลอดจน จะคุกทั้งตระกูล จนตายแบบไร้ที่กลบฝังในแผ่นดินแม่ เลยที่เดียว…