เขาสูงตั้งตะหง่านเป็นฉากหลังนั่น ด้านหน้ามีบ้านเป็นเพิงทำอย่างชั่วคราวมุงด้วยใบตองตึง อยู่ชิดติดกันแทบไม่มีที่ว่างให้แดดส่องถึงพื้น ติดถนนมีรั้วลวดหนามกั้นรอบ ตรงประตูมีชายที่ทำหน้าที่เป็น อส ชรบ ยืนเฝ้าอยู่.. ค่ายอพยพแม่หละ คือที่ที่ฉันคุ้นเคยมากกว่า 15 ปีที่มาอยู่ชายแดนแห่งนี้ จังหวัดตากเรามีค่ายอพยพผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ 3 ค่ายจากทั้งหมด 9 ค่ายตลอดแนวชายแดนตะวันตกจากแม่ฮ่องสอนถึงราชบุรี ตั้งกันยาวนานกว่า 35 ปีจนกรีนเนสส์บุ๊คยกให้เป็นค่ายชั่วคราวที่ตั้งมายาวนานที่สุดในโลก
ค่ายแม่หละ อำเภอท่าสองยาง
ค่ายอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ
ค่ายนุโพ อำเภออุ้มผาง
จำนวนผู้อพยพในทะเบียนประมาณ 6 หมื่น แต่อย่างว่าล่ะชายแดนที่ไม่มีรั้วกั้น ว่ากันว่าอาจจะมีประชากรแฝงมากกว่า 1 แสนคน ก็นะญาติฉันญาติเธอ …
ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ในอดีตมีปัญหาขัดแย้งทางการเมือง เป็นกบฎแข็งข้อต่อรัฐบาล ตอนสู้รบกันอย่างหนักจึงต้องลี้ภัยออกมานอกประเทศเมียนมา คล้ายกับสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่ม CDM (Civil Disobidience Movement) ที่มีชนชั้นปัญญาชนของประเทศ เช่นหมอ พยาบาล อาจารย์ นักกฏหมาย ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลทหาร หนีออกมาจากประเทศเมียนมา ต่างกันตรงที่ตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในศูนย์อพยพ แต่ทำเรื่องอยู่ชั่วคราวอยู่ในประเทศไทยในสถานะอื่นเช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน
อธิบายให้เห็นภาพ สมมติว่ามีผู้ลี้ภัย (refugee) 100 คนในค่ายผู้อพยพจะมีประมาณ 50 คนที่มีบัตร UNHCR (สีฟ้า) ซึ่งเป็นหน่วยงานคุ้มครองผู้ลี้ภัยพลัดถิ่นทั่วโลก กลุ่มนี้รอไปประเทศที่ 3 (resettlement) เช่น อเมริกา สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย นิวซีแลน์ ยุโรป รับผิดชอบส่งต่อโดยองค์กร IOM การส่งไปประเทศที่ 3 ชะงักมาหลายปีแล้วเนื่องจากโควิดและประเทศปลายทางไม่พร้อมรับ มีความพยายามส่งผู้อพยพกลับประเทศเมียนมา แต่มีผู้สมัครใจกลับไปเพียงหลักร้อย เนื่องจากไม่มั่นใจความปลอดภัย คนไข้ฉันบอกว่าภาพที่ลูกสาวถูกฉุดไปข่มขืนต่อหน้ายังติดตา ภาพที่บ้านไฟไหม้ทั้งหลังหมดสิ้นทุกอย่างทำให้เขาไม่สามารถกลับไปอยู่ที่แผ่นดินเดิมได้อีก
ภายในศูนย์อพยพมีการจัดการทั่วไปโดยองค์กร NGO หลายองค์กร ตลอด 20 ปีที่ฉันอยู่ชายแดน ได้ทำงานร่วมกับหลายองค์กร เริ่มจาก ARC AMI PU-AMI จนล่าสุดมาเป็นองค์กร IRC รับผิดชอบมานานหลายปีตั้งแต่ก่อนโควิด มีความร่วมมือระหว่าง NGO ในแคมป์กับหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐมาตลอด เช่น การควบคุมการระบาดโรคอุจจาระร่วง โรคเท้าช้าง มาลาเรีย ไข้เลือดออก การดูแลเด็ก สตรี ผู้ถูกล่วงละเมิด ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยยาเสพติด มีหน่วยงานดูแลเรื่องสวัสดิการมีข้าว น้ำมัน น้ำ แจกทุกบ้านและเงิน 300 บาทต่อครอบครัวต่อเดือน(อันนี้คนไข้บอกมา)หลักการคือทุกคนต้องอยู่ภายในรั้วเท่านั้น จะออกมากรณีที่จำเป็น เช่นมาพบหมอที่โรงพยาบาล และต้องได้รับอนุญาตจากปลัดแคมป์ของมหาดไทย ในค่ายอพยพมีโรงพยาบาลหนึ่งแห่งสามารถรองรับได้ประมาณ 60 ถึง 100 เตียงแต่หากเกินศักยภาพก็จะถูกส่งต่อออกมาที่โรงพยาบาลของรัฐในพื้นที่ใกล้เคียง โดยองค์กรตามจ่ายค่ารักษา ฉันมีโอกาสได้ดูแลผู้ป่วยจากค่ายอพยพบ่อยมาก ส่วนใหญ่มาถึงโรงพยาบาลแม่สอดก็อาการหนักมาก หลายเคสไม่สามารถรักษาได้ และไม่สามารถส่งต่อไปโรงพยาบาลอื่นได้อีก ฉันรับปรึกษาเคสโรคติดเชื้อต่างๆโดยเฉพาะผู้ป่วยโรควัณโรคและโรคเอชไอวี ซึ่งก็มีเป็นจำนวนมากในแต่ละค่ายอพยพ
สองวันก่อน สหรัฐอเมริกามีนโยบายยุติการสนับสนุนองค์การ IRC โดยมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติงานทุกอย่างในทันที รวมถึงการปิดโรงพยาบาลในค่ายและนำผู้ป่วยที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลของรัฐกลับไปที่ค่ายอพยพ เจ้าหน้าที่ออกจากค่ายอพยพทันทีไม่มีการดำเนินการกิจการทุกอย่างอีกต่อไป โดยไม่ได้สื่อสารกับหน่วยงานของรัฐเลย ทางจังหวัดตากได้มีการจัดการเร่งด่วนบนพื้นฐานของมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำตอนนี้ คือหาหน่วยงานใหม่มารับผิดชอบดูแลศูนย์อพยพ ไม่ให้มีการขาดช่วงเพราะอาจจะทำให้เกิดโรคระบาดและมีการกระจายมาในชุมชนคนไทยได้ และป้องกันอาชญากรรมอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้น และเริ่มต้นเรื่องการผลักดันกลับไปเป็นพลเมืองของประเทศเดิม
ความเห็นส่วนตัวคิดว่าหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะส่วนสาธารณสุขไม่สามารถเข้าไปจัดการได้เนื่องจากภาระงานที่โหลดมาก ลำพังคนไข้คนไทยและชาวเมียนมาร์ที่ข้ามมารับบริการก็ทำไม่ไหวแล้ว จำนวนผู้อพยพสามค่าย เท่ากับเพิ่มมาอีกหนึ่งอำเภอเลยทีเดียว
ได้แต่เฝ้ารอว่าอีกไม่นานภาครัฐของไทยน่าจะหาจุดสมดุลในการจัดการปัญหานี้ และเฝ้ารอหน่วยงาน NGO รายใหม่ที่พร้อมจะมาดูแลค่ายอพยพชายแดนเหล่านี้ต่อไป…